เซนได 仙台
- KENICHI ENOKIZONO
- 2016年8月2日
- 読了時間: 2分
เซนได ดินแดนแห่งขุนพลตาเดียว
เมืองเซนไดเป็นเมืองหลวงของจังหวัดมิยางิ ซึ่งถือเป็นจังหวัดใหญ่ในเขตโทโฮคุ หรือบริเวณทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู บริเวณนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย อย่างหมู่เกาะมัทสึชิมะ ที่เป็นหมู่เกาะที่อยู่ในจังหวัดมิยางิและมีวิวที่สวยที่สุดหนึ่งในสามวิวสุดสวยของประเทศญี่ปุ่น (ประกอบไปด้วย หมู่เกาะมัทสึชิมะ (จังหวัดมิยางิ) อามาโนะฮาชิดาเตะ (จังหวัดเกียวโต) และ อิทสึคุชิมะ (จังหวัดฮิโรชิม่า)) นอกจากนี้ในจังหวัดเซนไดยังมีสีสันต่างๆมากมาย โดยเฉพาะงานวันทานาบาตะที่แตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ ตามไปอ่านในสกู๊ปต่อจากเซนไดได้เลยครับ สำหรับในส่วนนี้เราจะเริ่มแนะนำกันตั้งแต่ที่เที่ยวสำคัญสุดอย่างปราสาทเซนได ถนนที่น่าเดินที่สุดในเมือง ไล่ออกไปรอบๆนอกในเขตเมืองเซนได และปิดท้ายด้วยพื้นที่ในเมืองใกล้ๆ อย่างมัทสึชิมะ และชิโรอิจิครับ

ปราสาทอาโอบะ กับสุดยอด ขุนพล ดาเตะ มาซามุเนะ
ใครไปที่เมืองเซนไดก็จะต้องไปเที่ยวที่นี่แน่นอนครับปราสาทอาโอบะปราสาทที่ถือเป็นหน้าเป็นตาของเมืองเซนไดในฐานะปราสาทแห่งเมืองเซนได ปัจจุบันเองก็ถูกเรียกว่าเซนไดโจ (ปราสาทเซนได) และเป็นหนึ่งในปราสาทระดับประเทศของญี่ปุ่น มีขนาดใหญ่ถึง 20,000 ตารางเมตร โดยมี ดาเตะ มาซามุเนะ เป็นผู้สร้างปราสาทนี้ขึ้นเมื่อ 270 ปีก่อน ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่เรียกว่าเหมาะสมกับการรบ เนื่องจากตั้งอยู่บนเขาอาโอบะ (อาโอบะยามะ) ติดกับหน้าผา และป่าขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่ดูแลโดยมหาวิทยาลัยโทโฮคุ เดิมทีก่อนยุคสงครามที่นี่เป็นที่ตั้งของป้อมปราการของตระกูลชิมาสึ ภายหลังในช่วงสงครามเซกิงาฮาระ โตกุกาว่า อิเอยาสึ ได้เปลี่ยนชื่อเนินเขาอาโอบะเป็นเมืองเซนได และไดเมียวคนแรกของเซนไดคือดาเตะ มาซามุเนะ ได้สร้างปราสาทขึ้นบนที่แห่งนี้ ไม่เพียงแค่ในยุคสงครามเซนโกคุ ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม หรือบาคุมัทสึ ปราสาทแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นป้อมปราการของฝ่ายรัฐบาลเมจิ ซึ่งในยุคนั้นผู้ปกครองเซนไดคือ ดาเตะ โยชิคุนิ ปราสาทแห่งนี้ผ่านการสู้รบ และเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติมาหลายครั้ง ซึ่งการบูรณะล่าสุดได้ทำขึ้นในปี ค.ศ.2006 จนถึงปัจจุบัน

อนุสาวรีย์ดาเตะ มาซามูเนะ
ดาเตะ มาซามุเนะ ขุนพลเลื่องชื่อผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองเซนได และถือเป็นขุนพลที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก เขาได้รับการขนานนามว่า มังกรตาเดียว จากการที่เขาเหลือดวงตาเพียงแค่ข้างเดียว ในประวัติศาสตร์เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน บ้างระบุว่าเขาเป็นไข้ทรพิษในตอนเด็กทำให้เสียตาข้างขวาไป บ้างก็บอกว่าเขาควักตาตัวเองเพื่อให้เกิดความน่าเกรงขามในหมู่ขุนนางของเซนได นอกเหนือจากดวงตาแล้ว หมวกทรงจันทร์เสี้ยวของเขา และการรบด้วยความห้าวหาญ ทำให้เขาเป็นที่จดจำและบันทึกชื่อในประวัติศาสตร์ และถูกยกขึ้นมาบ่อยครั้งในวงการภาพยนตร์ นิยาย หรือแม้แต่ในการ์ตูน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย โทไซ (Tozai Line) จากสถานีรถไฟเมืองเซนไดมาลงที่สถานีรถไฟโคคุไซ เซ็นเตอร์ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ค่าเดินทาง 200 เยน
เดินจากสถานีรถไฟลงมาทางใต้ ผ่านเซนไดเซ็นเตอร์ พิพิธภัณฑ์เซนไดซิตี้ และขึ้นไปบนเขาอาโอบะ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ขึ้นรถบัสวนจากสถานีเซนได(ค่ารถแบบเหมาวัน 620 เยน) จะวนไปยังปราสาทเซนได และสถานที่อื่นๆในเมืองอย่างเช่น ศาลเจ้าโอซากิ ฮาซาชิมากุ และสุสานซุยโฮเดน
สถานที่เที่ยวในจังหวัดเซนได!
ถนนโจเซน (โจเซนโดริ)
ถ้าชื่นชอบการเดินชมเมืองท่ามกลางต้นไม้ต้องไปที่ โจเซนโดริ คือถนนที่มีพื้นที่เดินที่แปลกตา เพราะมีทางเดินอยู่บริเวณเกาะกลางถนนให้เดินสบายๆ ใต้ร่มไม้ขนาดใหญ่สูงกว่าตึกสามชั้น และยังประดับประดาไปด้วยรูปปั้นต่างๆระหว่างทางเดิน สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารมากมาย วันเบาๆที่ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินทางไกลมาก มาเดินที่นี่ก็น่าประทับใจแล้ว และถ้ามาในช่วงเดือนธันวาคมตั้งแต่วันที่ 2 ถึงวันที่ 31 ก็จะได้เพลิดเพลินไปกับไฟประดับที่สว่างไสวเต็มท้องถนน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟจากสถานีเซนได สายนัมโบคุ (Namboku Line) ไปยังสถานี โคโตไดโคเอน ใช้เวลาประมาณ 2 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที
ค่าเดินทาง 200 เยน
บ่อน้ำพุร้อน อะคิอุ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ของเมืองเซนได คือ บ่อน้ำพุร้อนอะคิอุ มีที่พักเป็นจำนวนมาก ทั้งในรูปแบบโรงแรมธรรมดา จนถึงที่พักแบบญี่ปุ่นที่งดงาม เดินจากที่พักไปทางตะวันออก จะมีโตรกธารไรไรเคียวที่มีก้อนหินรูปร่างแปลกประหลาดจำนวนมาก ส่วนถ้าจะไปน้ำตกอะคิอุ จะต้องนั่งรถบัสสาย 87 ไปทางตะวันตกอีกประมาณ 20 นาทีครับ
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟจากสถานีเซนได สายเซนซัน (Senzan Line) ไปยังสถานี อายาชิ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถบัสสาย 83 ไปยังออนเซนใช้เวลาประมาณ 18 นาที
ฮวัดรินโนจิ

ห่างจากปราสาทเซนไดที่อยู่ทางใต้ขึ้นไปทางเหนือเลยแม่น้ำฮิโรเสะไป จะพบกับวัดรินโนจิ ซึ่งเป็นวัดที่ดาเตะ มาซามูเนะ ย้ายมาตั้งไว้ในสมัยที่ตระกูลดาเตะปกครองเมืองเซนไดเป็นวัดที่มีหอเจดีย์ 3 ชั้นและสวนแบบญี่ปุ่นที่งดงามมากๆ แถมรอบๆ ยังมีวัดอีกหลายแห่งอย่างเช่นโทโชจิ และนิชิโจจิ
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟจากสถานีเซนได สายเซนซัน (Senzan Line) ไปยังสถานี คิตะเซนได แล้วเดินต่ออีกประมาณ 17 นาที ค่าเดินทาง 200 เยน
ออกไปดูที่เที่ยวเด่นๆ ใกล้ๆ เมืองเซนไดกัน!
หมู่เกาะมัทสึชิมะ

ออกนอกเมืองเซนไดไปเที่ยวใกล้ๆกันบ้าง สถานที่เที่ยวที่โด่งดังมากในจังหวัดมิยางิ และติดกับเมืองเซนไดชนิดที่ว่าเดินทางไปได้ง่ายมากๆ 40 นาทีก็ถึง นั้นก็คือหมู่เกาะมัทสึชิมะ ที่เราเกริ่นไว้ตอนต้นสกู๊ป ที่นี่คือหนึ่งใน 3 วิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีความงดงามจากการมองจากปากอ่าวออกไปยังทะเลซึ่งจะเห็นหมู่เกาะเรียงรายงดงาม พื้นที่บริเวณนั้นถูกสร้างเป็นสวนสาธารณะให้เข้าชมความงดงามของหมู่เกาะได้ รวมถึงริมถนนก็มีร้านอาหารมากมาย และยังสามารถนั่งเรือครุยเซอร์เพื่อชมหมู่เกาะได้ด้วยครับ อาหารขึ้นชื่อของเกาะมัทสึชิมะ คือ หอยนางรม ซึ่งสดมากๆ เพราะจับขึ้นจากปากอ่าวแห่งนี้นั่นเอง
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานีเซนได สายเซนเซกิ (Senseki Line) 39 นาที ไปยังสถานีมัทสึชิมะไคกัง จากนั้นเดินประมาณ 9 นาที หรือ นั่งรถไฟสาย โทโฮคุ (Tohoku Line) ประมาณ 23 นาที ไปยังสถานีมัทสึชิมะ จากนั้นเดินประมาณ 17 นาที
ค่าเดินทาง 410 เยน
หมู่บ้านจิ้งจอก (Zao Kitsune Village)
จากเซนไดลงไปทางตอนใต้ ไปยังเมืองชิโรอิชิ ในจังหวัดมิยางินี่แหละครับ ที่หมู่บ้านนี้ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านจิ้งจอก เพราะมีจิ้งจอกจำนวนมาก จิ้งจอกกว่า 100 ตัว 6 สายพันธุ์ การเดินทางถือว่าค่อนข้างยากเพราะไม่มีรถไฟไป ต้องนั่งรถบัสไปลงเมืองชิโระชิอิ หรือนั่งแท็กซี่
การเดินทาง : จากสถานีเซนได นั่งรถไฟสาย JR โทฮาคุฮอนเซน ไปยังสถานีชิโระชิอิ ใช้เวลาประมาณ 48 นาที หรือนั่งรถไฟด่วนสาย โทฮาคุ - ฮกไคโทชินคังเซ็น ขบวนยามะบิโกะ 290 เยน ราคาจะแพงกว่า แต่เร็วกว่าประมาณ 30 นาทีลงรถแล้วนั่งรถบัส คัสเติล คุง บัส ใช้เวลา 1 ชั่วโมง หรือนั่งแท็กซี่เหมาไปกลับได้ครับ
ค่าเดินทาง JR 760 เยน ชินกังเซ็น 3120 เยน,
ราคารถบัส 200 เยน, ราคาแท็กซี่ 4000 เยน
ค่าเข้าชม 1000 เยน
เวลาเปิดปิด 9.00 น. - 17.00 น.
Komentáře